เรื่องวุ่น ๆ ของ “สมองแมว”

ความฉลาดของแมวบ้าน คือ ความสามารถของแมวในการแก้ปัญหาและการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม

[1.] สมองของแมวบ้านยาวประมาณ 5 ซม. หนัก 25 – 30 กรัม

[2.] แมวที่มีสมองใหญ่จะถือเป็นแมวที่ฉลาด สามารถวัดได้ตามสมมุติฐานของ Jerison ที่เผยแพร่ออกมาในปี 1973

[3.] ค่ามาตรฐานขนาดของสมองแมวจะอยู่ที่ 1–1.71 เทียบกับมนุษย์คือ 7.44–7.8 ถ้าขนาดสมองใหญ่กว่าค่านี้จะถือว่าสมองใหญ่ ถ้าน้อยกว่าจะถือว่าสมองเล็ก

[4.] สมองแมวที่สุดอยู่ในตละกูล Felidae พบในเสือของชวาและบาหลี

[5.] แมวมีจำนวนเซลล์ในสมองประมาณ 203 ล้านเซลล์

[6.] แมวมีหน่วยความจำในการแยกแยะและจดจำภาพ

[7.] สารอาหารที่ทำให้แมวฉลาดคือ โอเมก้า 3 และ 6, ทอรีน, และโคลีน

[8.] แมวมีความฝันที่ซับซ้อนในขณะนอนหลับ โดยจะจดจำและระลึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ดำเนินไปเป็นลำดับขณะหลับ

“อีลอน มัสก์” เข้าควบคุม “ทวิตเตอร์” แล้ว ขณะ CEO-CFO โบกมือลาสนง.ใหญ่

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ขณะนี้นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเทสลา อิงค์ ได้เข้าควบคุมกิจการของทวิตเตอร์แล้ว

นอกจากนี้ รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า นายปารัก อักราวัล ซีอีโอของทวิตเตอร์ และนายเนด ซีกัล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินก็ได้ออกจากสำนักงานใหญ่ของทวิตเตอร์ในซานฟรานซิสโกแล้ว และจะไม่กลับเข้าไปอีก

อนึ่ง นายมัสก์มีกำหนดเส้นตายที่จะต้องเข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์ มูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ให้เสร็จสิ้นภายในวันศุกร์นี้ (28 ต.ค.) ตามคำสั่งศาล

นายมัสก์โพสต์ข้อความถึงผู้ลงโฆษณาในแพลตฟอร์มทวิตเตอร์ว่า ทวิตเตอร์จะไม่ตกต่ำลงจนกลายเป็นแดนเถื่อนที่ใครจะพูดอะไรก็ได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบต่อผลที่ตามมา

โพสต์ของนายมัสก์ระบุว่า “เหตุผลที่ผมซื้อทวิตเตอร์ก็เพราะมันสำคัญต่ออารยธรรมในอนาคตที่ควรจะมีจัตุรัสกลางเมืองดิจิทัลสาธารณะ ที่ซึ่งคนที่มีความเชื่อแตกต่างกันสามารถมาถกเถียงกันได้อย่างสันติโดยไม่ต้องใช้ความรุนแรง”

“ขณะนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่งที่โซเชียลมีเดียจะทำให้คนแตกแยกออกเป็นฝ่ายขวาตกขอบกับฝ่ายซ้ายสุดโต่ง ซึ่งจะสร้างความเกลียดชังและความแตกแยกในสังคมของเรามากยิ่งขึ้น”

ทั้งนี้ นายมัสก์ได้เดินทางไปที่สำนักงานของทวิตเตอร์ในซานฟรานซิสโกเมื่อวันพุธ (26 ต.ค.) และในช่วงเช้าวานนี้ นายมัสก์ได้โพสต์คลิปวิดีโอของตัวเองเดินเข้าไปยังสำนักงานของทวิตเตอร์พร้อมถืออ่างล้างมือ และได้เปลี่ยนคำอธิบายโพรไฟล์ของตนเองบนทวิตเตอร์เป็น “หัวหน้าทวิต” (Chief Twit)

“หมอยง” เผยเหตุผลทำไมต้องให้ “วัคซีนโควิด” ในเด็กเล็ก

“หมอยง” เผยเหตุผลทำไมต้องให้ “วัคซีนโควิด” ในเด็กเล็ก เพื่อให้มีภูมิต้านทาน แม้ป้องกันการติดเชื้อไม่ได้ แต่ลดความรุนแรงของโรคลงได้ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หรือ “หมอยง” หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความเรื่อง “วัคซีนโควิด” โดยระบุว่า โรคโควิด-19 คงไม่ได้หายหรือหมดไปจากประเทศไทย จะคงอยู่เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่

เด็กเล็ก โดยเฉพาะที่อายุน้อยกว่า 2 ปี ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง ที่เมื่อติดเชื้อแล้วจะมีอาการรุนแรงได้ จะเห็นได้จากกลุ่มเสี่ยงของโรคทางเดินหายใจ นอกจากผู้สูงอายุ 60-80 แล้วจะรวมเด็กเล็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปีเข้าไว้ด้วย

กลุ่มเสี่ยงควรได้รับวัคซีน เพื่อให้มีภูมิต้านทาน ถึงแม้ว่า ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากวัคซีนจะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้แบบสมบูรณ์ แต่สามารถลดความรุนแรงของโรคลงได้ และเป็นที่ยอมรับทั่วไป

ปัจจุบันมีวัคซีน covid19 ในเด็กตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ถึงแม้จะเป็น mRNA วัคซีน ก็ได้มีการศึกษาวิจัยถึงความปลอดภัยของวัคซีน และมีการอนุมัติให้ใช้ในภาวะฉุกเฉิน ทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศกำลังพัฒนา โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ได้จากวัคซีน กับความเสี่ยงในการติดเชื้อ

วัคซีนที่ใช้ในเด็กเล็กขณะนี้ ขนาดของ mRNA น้อยกว่าในผู้ใหญ่ 10 เท่า ในขณะที่น้ำหนักตัวเด็ก โดยเฉลี่ยแล้ว น้อยกว่าผู้ใหญ่ 5 เท่า ดังนั้นการให้วัคซีนในเด็กเล็ก จึงจำเป็นต้องให้ถึง 3 ครั้ง โดย 2 ครั้งแรกห่างกัน 1 เดือน และครั้งที่ 3 ห่างจากครั้งที่ 2 สองเดือน

การรับวัคซีนไม่ได้เป็นภาคบังคับ เป็นไปด้วยความสมัครใจของผู้ปกครอง และจะไม่มีเงื่อนไขในการเข้าเรียนว่าจะต้องได้รับวัคซีนมาก่อนหรือไม่

“อาร์เซนอล” แพ้นัดแรกยูโรปาลีก บุกพ่าย “พีเอสวี” ลุ้นแชมป์กลุ่มนัดสุดท้าย

“ปืนใหญ่” อาร์เซนอล แม้จะเข้ารอบแล้ว แต่ยังไม่การันตีแชมป์กลุ่ม หลังบุกมาแพ้ พีเอสวี ไอน์โฮเฟน ในศึกยูโรปาลีก เมื่อคืนที่ผ่านมา

การแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ฤดูกาล 2022-253 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มเอ นัดที่ 5 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. 65 คู่ที่น่าสนใจ พีเอสวี ไอน์โฮเฟน จากเนเธอร์แลนด์ อันดับ 2 ของกลุ่ม เปิดสนามฟิลิปส์ สตาดิโอน รับการมาเยือนของ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล จากอังกฤษ จ่าฝูงของกลุ่ม ที่ชนะมา 4 นัดรวด เข้ารอบแน่นอนแล้ว

เปิดฉากครึ่งแรกมา 9 นาที พีเอสวี ได้ทักทายก่อน จากการยิงไกลของ ซาวี ซิมอนส์ แต่ อารอน แรมส์เดล นายด่านอาร์เซนอล ปัดออกไปได้

จากนั้นนาทีที่ 19 พีเอสวี มาอีกแล้ว คราวนี้เป็น โคดี กัคโป พาบอลไปกระดกข้าม อารอน แรมส์เดล เข้าไปตุงตาข่าย แต่ถูกจับล้ำหน้า

ถัดมา 2 นาที อาร์เซนอล เกือบตีเสมอจากจังหวะยิงของ เอ็ดดี เอ็นเคเทียห์ แต่ วอลเตอร์ มาร์ติเนซ นายด่านพีเอสวีปัดออกไปได้

ถึงนาทีที่ 43 พีเอสวี ชวดได้เม็ดสอง เมื่อ ซาวี ซิมอนส์ ยิงเข้าไป แต่วีเออาร์เช็กย้อนว่า อันวาร์ เอล กาซี ล้ำหน้า เลยอดได้ประตู

จบครึ่งแรก พีเอสวี ไอน์โฮเฟน ยังเสมอ อาร์เซนอล 0-0

กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 56 พีเอสวี ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ ลุค เดอ ยอง จ่ายให้ โจอี้ เวียร์มันน์ ยิงในเขตโทษเข้าไปตุงตาข่าย

จากนั้นนาทีที่ 63 พีเอสวี หนีเป็น 2-0 จากจังหวะเตะมุมทางซ้ายเปิดเข้ามา อารอน แรมส์เดล ออกมาตัดบอลวืด บอลมาเข้าทาง ลุค เดอ ยอง โหม่งเข้าไปเลย

ถึงนาทีที่ 66 พีเอสวี หวิดได้เม็ดสาม เมื่อ โคดี กัคโป ยิงเข้าไป แต่ถูกจับล้ำหน้า

ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม พีเอสวี ไอน์โฮเฟน เอาชนะ อาร์เซนอล ไป 2-0 ทำให้ พีเอสวี เก็บเพิ่มเป็น 10 คะแนน รั้งอันดับ 2 ของกลุ่ม การันตีเข้ารอบเพลย์ออฟ รอลุ้นแชมป์กลุ่ม ส่วน อาร์เซนอล แพ้เป็นนัดแรก มี 12 คะแนนเท่าเดิม รั้งจ่าฝูงของกลุ่ม แต่ต้องรอลุ้นแชมป์กลุ่มในนัดสุดท้ายเช่นกัน โดยการลุ้นแชมป์กลุ่มนัดสุดท้าย พีเอสวี จะบุกไปเยือน โบโด กลิมท์ ส่วน อาร์เซนอล เล่นในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดียม รับมือ เอฟซี ซูริค